
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์พร้อมร่วมมือกับสิงคโปร์อย่างใกล้ชิด เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้า การลงทุนระหว่างกัน โดยไทยขอให้สิงคโปร์สนับสนุนความร่วมมือด้าน start–ups และ e-commerce เนื่องจากเห็นว่าสิงคโปร์มีความโดดเด่นในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับ start-ups และมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก โดยไทยยินดีที่สิงคโปร์เลือกกรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในเมืองที่เปิดสำนักงาน Global Innovation Alliance หรือ GIA เป็นแห่งที่ 4 (ปัจจุบันสำนักงาน GIA เปิดแล้ว 3 แห่ง ได้แก่ เมืองซานฟรานซิสโก กรุงปักกิ่ง และกรุงจาการ์ตา) ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือด้านนวัตกรรม และระบบนิเวศเทคโนโลยี ระหว่าง start-ups ไทยกับสิงคโปร์ ทำให้ start–ups ของสองประเทศมีการเติบโต และมีการแลกเปลี่ยนแนวคิดระหว่างกัน สำหรับไทยมีสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) ที่ทำหน้าที่ฝึกอบรม และพัฒนาศักยภาพ start–ups ในการดำเนินธุรกิจ ในโลกการค้ายุคใหม่ ซึ่งไทยและสิงคโปร์สามารถมีความร่วมมือในด้านนี้กันมากขึ้น เช่น การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และองค์ความรู้ การจัดฝึกอบรมเพื่อพัฒนา start–ups ร่วมกัน เป็นต้นทั้งนี้ สิงคโปร์ขอให้ไทยสนับสนุนการสรุปผลการเจรจา Regional ComprehensiveEconomic Partnership (RCEP)ให้ได้ภายในปี 2561 รวมทั้งขอให้ไทยให้การสนับสนุนประเด็นด้านเศรษฐกิจ “Deliverables for ASEAN Chairmanship” ซึ่งสิงคโปร์ตั้งไว้ ในฐานะการเป็นประธานอาเซียน ปี 2561 ทั้งนี้ สิงคโปร์ยินดีให้ความร่วมมือกับไทยในการผลักดันเป้าหมายต่างๆ ที่ไทยต้องการผลักดันในฐานะประธานอาเซียน ในปี 2562
เป้าหมายของการตั้งสำนักงาน The Singapore Global InnovationAlliance (GIA) ในไทย
- ช่วยให้บริษัทสตาร์ทอัปสิงคโปร์เข้าถึงตลาดเพื่อโอกาสทางธุรกิจได้ง่ายขึ้น
- ผลักดันความร่วมมือระหว่างบริษัทสตาร์ทอัปสิงคโปร์และไทย เพื่อร่วมสร้างสรรค์โซลูชั่นด้านนวัตกรรม
- สร้างโอกาสในการเป็นผู้ประกอบการและนวัตกรรม ด้วยการเปิดโอกาสให้นักศึกษาและนักเรียนในสิงคโปร์ได้ทำความเข้าใจและสัมผัสภูมิทัศน์ด้านเทคโนโลยีของไทยผ่านการฝึกงานและโปรแกรมต่างๆ ในอนาคต
นายสนธิรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยกับสิงคโปร์ยังเห็นพ้องที่จะส่งเสริมการลงทุนและการท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยในปี 2560 สิงคโปร์เป็นประเทศที่มาลงทุนในไทยมากที่สุดในอาเซียน มีการลงทุนระหว่างกันคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 17,000 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งมีจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศขยายตัวสูงขึ้น โดยในปี 2560 นักท่องเที่ยวสิงคโปร์เดินทางมาไทยมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านคน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังย้ำความตั้งใจที่จะดำเนินการตามผลการประชุม Singapore–Thailand Enhanced Economic Relationship (STEER) ครั้งที่ 5 ที่สิงคโปร์เป็นเจ้าภาพจัดขึ้น เมื่อเดือนสิงหาคม 2560 ที่จะพัฒนาความร่วมมือและส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกันในหลายด้าน เช่น ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ด้านทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น
ในปี 2560 สิงคโปร์เป็นคู่ค้าอันดับที่ 3 ของไทยในอาเซียนรองจากมาเลเซีย และเวียดนาม และเป็นคู่ค้าอันดับที่ 6ของไทยในโลก รองจากจีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ มาเลเซีย และเวียดนาม ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2556-2560) การค้าระหว่างไทยกับสิงคโปร์ มีมูลค่าเฉลี่ยประมาณปีละ 16,932.44 ล้านเหรียญสหรัฐ มีอัตราขยายตัวลดลงเฉลี่ยร้อยละ 2.78 ต่อปี โดยในปี 2560 การค้ารวมไทย-สิงคโปร์ มีมูลค่า 16,218.93 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 10.05 โดยไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้า 355.80 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกที่สำคัญไปสิงคโปร์ ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป แผงวงจรไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขณะที่สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า และพืชและผลิตภัณฑ์จากพืช
You must be logged in to post a comment.