อัีกหนึ่งความเคลื่อนไหวหลังจากสองยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจการค้าปลีกอย่าง เซ็นทรัลกรุ๊ป และบริษัทอีคอมเมิร์สที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดและมีขนาดธุรกิจใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศจีนอย่าง JD.com จนเกิดเป็น “เจดี เซ็นทรัล”

ล่าสุด ทั้งคู่ประกาศพร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการไทยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ขายสินค้าบนอีคอมเมิร์สแพลทฟอร์ม jd.co.th และเตรียมบุกตลาดจีนผ่าน JD.com โดยผู้บริหารเจดีเซ็นทรัลและเจดีดอทคอมร่วมบรรยายในงานสัมมนา “นำธุรกิจไทยเข้าสู่ตลาดจีน” ณ อายัท อบาโลน คอนเวนชั่นฮอลล์ อาคาร THAI CC Tower จัดโดยหอการค้าไทย-จีน สำนักข่าวซินหัวประจำประเทศไทย และ ศูนย์บริการธุรกิจไทย – จีน (TCC Business Center)

นายวินเซ็นต์ หยาง CEO, JD CENTRAL กล่าวว่า “เจดีดอทคอม (JD.com) และเจดี เซ็นทรัล ยินดีที่ได้มีโอกาสมาให้ความรู้กับผู้ประกอบการไทยเกี่ยวกับการสร้างโอกาสในการทำธุรกิจบนอีคอมเมิร์สแพลทฟอร์ม เรายินดีสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยขยายฐานสินค้าไปยังประเทศจีนผ่าน JD.com ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการกว่า 300 ล้านคน ในส่วนของเจดีเซ็นทรัล บริษัทร่วมทุนระหว่าง JD.com และเซ็นทรัลกรุ๊ป พันธกิจหลักของเราคือการสร้างประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความสุขและไร้กังวัลในการช็อปปิ้งบนโลกออนไลน์ และมุ่งมั่นพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคตอันใกล้”

นายโชดก พิจารณ์จิตร Chief Merchandising Officer, JD CENTRAL กล่าวถึงบทบาทของ

เจดี เซ็นทรัล ในงานสัมมนาครั้งนี้ว่า “เจดี เซ็นทรัล ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการไทยในการขยายโอกาสการทำธุรกิจ โดยใช้การตลาดยุคดิจิตอลขายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์สแพลทฟอร์ม ทางเจดี เซ็นทรัลได้เตรียมระบบปฏิบัติการพร้อมที่มอบรมการใช้งานให้กับผู้ประกอบการในการขายสินค้าและการทำการตลาดออนไลน์บนแพลทฟอร์มของเรา นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังจะได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกด้วย โดยเว็บไซต์ jd.co.th กำลังจะเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้”

ในงานสัมมนา “นำธุรกิจไทยเข้าสู่ตลาดจีนโดย JD.com”  ครั้งนี้เป็นการถ่ายทอดจากประสบการณ์ของผู้ประกอบการไทยที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์สในประเทศจีน รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิและผู้บริหารจากเจดีดอทคอม และเจดีเซ็นทรัล ซึ่งได้ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์และให้ความรู้แบบเจาะลึกแก่ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการบุกตลาดจีน  รวมทั้งเพิ่มศักยภาพและสร้างความได้เปรียบทางการค้ายุคดิจิทัล