โลกของภาพยนตร์ ไม่ได้มีเพียงความบันเทิง หรือความสนุกสนานเท่านั้น หากแต่ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวสร้าง
แรงบันดาลใจมากมาย ซึ่งหากเราได้เรียนรู้ ภาพยนตร์หลายเรื่องก็เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานและใช้ชีวิตให้แก่เราได้เป็นอย่างดี ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา มีการสร้างภาพยนตร์ที่ให้ข้อคิดดีๆ แก่เรามากมาย และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เหล่านั้น
The Theory of Everything
ภาพยนตร์ที่สร้างจากประวัติและชื่อทฤษฎีของ สตีเฟน ฮอว์คิง นักฟิสิกส์ทฤษฎีและนักจักรวาลวิทยาชาวอังกฤษที่ได้รับการยกย่องจากทั่วโลก เขาป่วยด้วยโรคเซลล์ประสาทนำคำสั่งเสื่อมชนิดหนึ่ง ซึ่งต่อมาทำให้เขาเป็นอัมพาตเกือบทั้งตัว และต้องใช้รถเข็นวีลแชร์ตลอดชีวิต แต่ด้วยความเพียรพยายาม และไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาจึงได้เขียนหนังสือ “ประวัติย่อของกาลเวลา” เสร็จสมบูรณ์ แม้ในขณะนั้นจะขยับตัวไม่ได้แล้ว และต้องพูดผ่านอุปกรณ์สังเคราะห์เสียงหลังเข้ารับการผ่าตัดเจาะคอก็ตาม ศาสตราจารย์ฮอว์คิง เคยกล่าวว่า “ผมป่วยมาเกือบตลอดช่วงชีวิตที่เป็นผู้ใหญ่ แต่ผมก็ยังสามารถมีครอบครัวที่สวยงามและประสบความสำเร็จในการงานได้ นั่นแสดงให้เห็นว่า คนเราต้องไม่สิ้นหวัง”
The Internship
ภาพยนตร์ที่ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า ไม่มีใครสายเกินจะเรียนรู้ หนึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ 2 เซลส์แมนรุ่นเก่าที่กำลังจะถูก
กลืนหายไปในยุคดิจิทัล ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีไอที ตัวพวกเขาเองกลับไม่รู้เรื่องและไม่มีทักษะด้านไอทีเหล่านี้เลย แทนที่จะยอมแพ้ทั้งคู่พยายามเอาตัวรอดด้วยการสมัครเข้าไปเป็นเด็กฝึกงานในบริษัทไอทีระดับโลกอย่าง Google
ที่นั่นเขาได้เรียนรู้เรื่องราวของเทคโนโลยี และต้องทำงานแข่งกับเด็กรุ่นใหม่ที่เก่งกว่ามาก แต่ทั้งคู่ก็สามารถเอาตัวรอดและประสบความสำเร็จได้ด้วยการนำเอาทักษะการเป็นพนักงานขายรุ่นเก่ามาผสานเข้ากับเทคโนโลยียุคดิจิทัลได้อย่างลงตัว ถือเป็นหนังเรื่องหนึ่งที่คนทำงานในยุคดิจิทัลควรหามาดู
The Blind Side
ภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงของ ‘ไมเคิล ออร์’ นักกีฬาอเมริกันฟุตบอลอาชีพผิวสีชื่อดัง ที่เติบโตจากเด็กไร้บ้าน ไร้อนาคต ต้องอดมื้อกินมื้อ แต่กลับได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวบุญธรรมผิวขาว หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่น และความปรารถนาดีที่ทุกๆ คนในครอบครัวมีต่อกัน จนกระทั่งฉายแววเป็นนักกีฬาที่มีค่าตัวสูงและมีชื่อเสียงคนหนึ่งของอเมริกา
Hidden Figures
ในยุคที่อเมริกายังอยู่ในช่วงที่มีการเหยียดสีผิวอย่างรุนแรง แต่โชคชะตาก็ทำให้ 3 สาวที่มีความอัจฉริยะด้านวิศวกรรมและคณิตศาสตร์ได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในองค์กรด้านอวกาศอย่างนาซา ซึ่งนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ที่นาซาพวกเธอต้องทำงานอย่างยากลำบาก ถูกกีดกันในทุกๆ ด้าน ไม่มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และไม่สามารถนำความเป็นอัจฉริยะในตัวมาสร้างผลงานได้เลย แต่ความเป็นนักสู้ในตัว ทำให้พวกเธอพยายามทุกวิถีทางในการสร้างผลงาน และหาโอกาสให้ตัวเอง จนกลายเป็นที่ยอมรับและเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนาซายุคบุกเบิก
The Pursuit of Happyness
ภาพยนตร์สุดแสนประทับใจที่คนไทยน่าจะรู้จักกันดี หนังเรื่องนี้เป็นชีวิตจริงของ ‘คริส การ์ดเนอร์’ มหาเศรษฐีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของอเมริกา แต่ใครจะรู้บ้างว่า ชีวิตเขาต้องตกอับแค่ไหน ล้มเหลวในอาชีพเซลส์แมน ถูกไล่ออกจากบ้าน กลายเป็นคนข้างถนน ต้องนอนในห้องน้ำสาธารณะ แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ ไขว่คว้าทุกโอกาสที่เห็นอยู่ตรงหน้า เปิดรับที่จะเรียนรู้ทักษะการทำงานใหม่ๆ อยู่เสมอ และพยายามทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ จนกระทั่งวันแห่งความสำเร็จมาถึง ความสำเร็จ
ของเขามิได้เกิดจากโชคช่วย แต่มาจากความไม่ยอมแพ้ล้วนๆ ดูหนังเรื่องนี้แล้วหัวใจเราจะแกร่งขึ้นอีกเป็นกอง
นอกจากทั้ง 5 เรื่องนี้แล้ว ยังมีภาพยนตร์ที่น่าดูอีกมากมายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Billy Elliot, The Terminal, Big Fish, A Beautiful Mind, Million Dollar Baby, Cinderella Man, 127 Hours, The Devil Wears Prada, Seabiscuit, Cast Away, The King’s Speech, Hachi: A Dog’s Tale, Slumdog Millionaire และ The Intern เป็นต้น
ใครถูกใจภาพยนตร์เรื่องไหนลองไปหาดูกันครับ
—————————–
ที่มา : นิตยสาร CAT MAGAZINE ฉบับที่ 48 เดือนกรกฏาคม-กันยายน 2017
You must be logged in to post a comment.