บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) องค์กรอสังหาริมทรัพย์หนึ่งเดียวในไทยที่ติดอันดับหุ้นยั่งยืนระดับโลก DJSI World 3 ปีซ้อน และ DJSI Emerging Market 7 ปีซ้อน ตอกย้ำการเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ของไทยและเป็นองค์กรยั่งยืนระดับโลก ครองอันดับหุ้นยั่งยืน Thailand Sustainability Investment (THSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7
อีกทั้งได้รับมาตรฐาน GRESB (Global Real Estate Sustainability Benchmark) ระดับ Green Star ในหมวด Management และ Development และ Score A ในหมวดการเปิดเผยข้อมูลอีกด้วย โดย GRESB เป็นองค์กรระดับโลกที่ทำการประเมินและจัดอันดับด้านความยั่งยืนให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก ได้รับการยอมรับจากนักวิเคราะห์ และนักลงทุนทั่วโลก ซึ่งมาตรฐานความยั่งยืนเหล่านี้ สะท้อนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนภายใต้บรรษัทภิบาลที่ดี คำนึงถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย รวมทั้งใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมอยู่เสมอ เพื่อให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับเซ็นทรัลพัฒนา
นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยง บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ปีนี้บริษัทฯ เราได้รับเลือกให้ติดอันดับหุ้นยั่งยืนของไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 แล้ว นับตั้งแต่ปี 2558 – 2564 อีกทั้งยังได้รับมาตรฐานความยั่งยืนจากการประเมิน GRESB Real Estate Assessment เป็นปีแรกอีกด้วย โดยมาตรฐานการประเมิน GRESB เป็นมาตรวัดความยั่งยืนของธุรกิจในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก โดยบริษัทฯ เราได้มาตรฐานระดับ Green Star ถึง 2 หมวดได้แก่ หมวด Management และ Development และยังได้ Score A ในหมวดการเปิดเผยข้อมูลอีกด้วย นับเป็นความภูมิใจและเป็นอีกหนึ่งความความสำเร็จของทั้งคณะผู้บริหารและพนักงานเซ็นทรัลพัฒนาทุกคนจากความมุ่งมั่นตั้งใจ และไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาสิ่งใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรของเราและสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้กับทุกคน
การได้รับมาตรฐานหุ้นยั่งยืน THSI และ GRESB สะท้อนถึงการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่มุ่งมั่นสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนในด้านเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างต่อเนื่อง มีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ สื่อสารถึงนักลงทุนอย่างทั่วถึงและโปร่งใส อีกทั้งมีความสามารถในการปรับแผนการดำเนินงานยืดหยุ่นตามสถานการณ์ที่เกิดขี้น โดยให้ความสำคัญกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้ง ลูกค้า, ผู้เช่า, ผู้ถือหุ้น, พนักงาน, ไปจนถึงสังคมและชุมชน และพร้อมผนึกกำลังทุกฝ่ายขับเคลื่อนเศรษฐกิจและประเทศไปด้วยกัน”
เซ็นทรัลพัฒนา ดำเนินกลยุทธ์ผู้นำ เคียงข้างสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ดังนี้
1. ลูกค้า: ดูแลศูนย์การค้าให้เป็นสถานที่สะอาดปลอดภัย คุมเข้มแผนแม่บท “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+” ที่ช่วยสร้างมาตรฐานความสะอาด ปลอดภัยให้กับสังคม อีกทั้งเป็นผู้นำนวัตกรรมคุณภาพกรองอากาศในศูนย์การค้า ‘SMART & HEALTHY BUILDING’ ยกระดับระบบปรับอากาศและกรองอากาศ เพื่ออากาศสะอาดหมุนเวียนภายในศูนย์การค้ามากที่สุด เพื่อความปลอดภัยต่อทุกคน
2. พันธมิตรผู้เช่า: ช่วยเหลือคู่ค้าและผู้ประกอบการกว่า 15,000 รายทั่วประเทศแบบ 360 องศา ทั้งการเป็นรายแรกที่มีการลดค่าเช่าและช่วยเหลือตามสถานการณ์จนปัจจุบัน, การเพิ่มสภาพคล่อง ช่วยเหลือคู่ค้าให้เข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟูกับพันธมิตรธนาคารชั้นนำ 7 แห่ง, การจัดแคมเปญช่วยผลักดันยอดขายร้านค้าทุก Category รวมถึงรุกแพลตฟอร์มใหม่ๆ ยกระดับ CRM Tool ด้วยแอปพลิเคชั่น The1 Biz ผสานจุดแข็งของ Offline-Online-Big Data เพื่อเสริมแกร่งให้คู่ค้า รวมถึงมีแอปพลิเคชั่นช่วยเหลือผู้เช่าอย่างครบวงจร
3. ผู้ถือหุ้น: เป็นองค์กรอสังหาฯ ไทยหนึ่งเดียวที่ติดอันดับ DJSI World 3 ปีซ้อน และ DJSI Emerging Market 7 ปีซ้อน และสร้างความเชื่อมั่นด้วยการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ รักษาโครงสร้างเงินทุนให้แข็งแกร่ง พร้อมลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อการเติบโตและผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว และเดินหน้าโครงการใหม่ตามแผน เช่น เซ็นทรัล อยุธยา, เซ็นทรัล ศรีราชา, เซ็นทรัล จันทบุรี และโครงการมิกซ์ยูส ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เป็นต้น
4. พนักงาน: ใส่ใจในความปลอดภัยและสุขภาพพนักงาน มีการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด19 และการตรวจ ATK ให้กับพนักงาน, ประกันสุขภาพโควิด, การบริหารงานอย่างยืดหยุ่น ใช้ Work from Home อย่างมีประสิทธิภาพ, รักษารายได้และการจ้างงานของพนักงาน, ส่งเสริมศักยภาพเป็น Global Citizenship with Local Spirit, รวมถึงเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับ Equality & Diversity และมุ่งมั่นเป็น Best Workplace ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยใส่ใจ Well-Being
5. ชุมชนและประเทศชาติ: ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs, เกษตรกรและอาชีพต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบ กระตุ้นเศรษฐกิจไทยช่วยไทยอย่างเป็นรูปธรรม สนับสนุนการกิน-ช้อป-ใช้-เที่ยว ที่ไทย โดยมีเป้าหมายระยะยาวในการยกระดับผลิตภัณฑ์ SMEs และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งระบบ นอกจากนี้ในช่วงวิกฤตโควิดยังได้ใช้จุดแข็งของศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ ในการเป็นศูนย์กลางใกล้ชิดชุมชน สร้างโมเดลต้นแบบศูนย์การค้าปลอดภัยสำหรับฉีดวัคซีนที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 23 สาขา รวมพื้นที่กว่า 40,000 ตร.ม. เพื่อช่วยกระจายวัคซีนให้กับประชาชน อีกทั้งยังผนึกกำลังกลุ่มเซ็นทรัลและพันธมิตรในการช่วยเหลือด้านสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง ในด้านสิ่งแวดล้อมยังได้เข้าร่วมโครงการ Journey to Zero ริเริ่มโครงการ “ทิ้งดี” เพื่อเป็นองค์กรต้นแบบในการจัดการขยะ, การวางระบบรีไซเคิลน้ำในศูนย์การค้า และการติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ปัจจุบัน เซ็นทรัลพัฒนาบริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต และเซ็นทรัล วิลเลจ รวม 34 แห่ง และโครงการใหม่ที่กำลังจะเปิดให้บริการ ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ศรีราชา (เปิด 27 ต.ค. 64), เซ็นทรัล อยุธยา (เปิด 30 พ.ย. 64) และ เซ็นทรัล จันทบุรี (กำหนดเปิดภายในกลางปี 2565) นอกจากนี้ ยังบริหารศูนย์อาหาร 30 แห่ง อาคารสำนักงาน 10 อาคาร โรงแรม 2 แห่ง โครงการที่พักอาศัยอีก 15 โครงการ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ESCENT, ESCENT VILLE, ESCENT PARK VILLE, PHYLL PAHOL 34 และ BELLE GRAND RAMA 9 และโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ ESCENT TOWN พิษณุโลก (ทาวน์โฮม) นินญา กัลปพฤกษ์ (บ้านแฝด) โครงการนิยาม บรมราชชนนี (บ้านเดี่ยวระดับลักชูรี่) และโครงการบ้านเดี่ยว นีรติ เชียงราย และนีรติ บางนา
You must be logged in to post a comment.