You are here
Home > Author: Kantinan Supawannaporn

สถาปัตยกรรมไอทีแห่งอนาคต (ในมุมมองของการบริหารงาน)

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างของสถปัตกรรมระบบคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็วในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่ที่เคยมีหน้าร้าน มีสาขาจำนวนมากไปสู่การดำเนินธุรกรรมครบรูปแบบผ่านหน้าร้านทางอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่การสั่งซื้อ จัดส่ง และติดตาม วิเคราะห์คความต้องการของลูกค้าแบบเรียลไทม์ การออกแบบสถาปัตยกรรมของระบบอย่างไรให้ยืดหยุ่นเหมาะกับองค์กรทั้งในมุมของการลงทุนและตอบสนองความต้องการใหม่ๆ ของลูกค้าได้อย่างเหมาะสม อะไรเป็นสิ่งบ่งชี้ที่ควรพิจารณาในการเลือกรูปแบบต่างๆ เพื่อตอบคำถามข้างต้น ความเข้าใจเกี่ยวกับ Maturity Stste ขององคฺกร ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางระบบที่เป็นผู้นำในตลาดปัจจุบัน ร่วมกับการใช้กรอบงานด้านสถาปัตยกรรม (Architecture Framework) จะเป็นส่วนช่วยในการตัดสินใจเลือกรูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่เหมาะสมได้ เชิญพบกับหลักสูตรฝึกอบรม IT Architecture (Management Viewpoint) ในระหว่างวันที่ 27-28 เมษายนนี้ โดยผู้เข้าอบรมจะได้รับประโยชน์มากมายจากการเข้าร่วมอบรมตลอด 2 วัน เช่น ทำความเข้าใจรูปแบบสถาปัตยกรรมระบบที่นิยมใช้ในการพัฒนาระบบไอทีขององค์กร การทำงานของเทคโนโลยีของสถาปัตยกรรมที่สำคัญในปัจจุบัน หลักการทำงานของระบบแบบบูรณาการ หลักการของการทำเวอร์ชวลไลเซชั่น หลักการทำงาน และจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ Hyperconverge อย่าง Natanix และ Simplivity เป็นต้น  รวมถึงการเลือกใช้รูปแบบของสถาปัตยกรรมในองค์กรที่เหมาะสม และทราบถึงกรอบงานด้านสถาปัตยกรรมขององค์กร และวิธีการนำไปปรับใช้ในทางปฏิบัติ  พร้อมศึกษาดูงาน และสัมผัสกับเทคโนโลยีไอทีล่าสุดในงาน  Data Center World…

เทรนด์ไมโคร ยกเครื่องระบบป้องกันภัย เสริมแกร่งด้วยเทคโนโลยีใหม่ “XGen”

เทรนด์ไมโครได้ประกาศว่า ตนเองได้นำความสามารถด้านความปลอดภัยใหม่ล่าสุดอย่าง XGen  มายกระดับการปกป้องเครือข่ายและสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริดจ์คลาวด์ให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยระบบความปลอดภัยแบบ XGen  ที่นำมาใช้กับทุกโซลูชั่นของเทรนด์ไมโครนี้ เป็นการผสมผสานเทคนิคการป้องกันอันตรายหลายยุคสมัย ที่มีการพัฒนาและปรับแต่งมาอย่างต่อเนื่องสำหรับความปลอดภัยในแต่ละเลเยอร์ ทั้งระดับสภาพแวดล้อมการทำงานของผู้ใช้, เครือข่าย,  และบนไฮบริดจ์คลาวด์ เพื่อปกป้องอย่างดีที่สุดจากอันตรายที่หลากหลายทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักได้อย่างครอบคลุม องค์กรต่างๆ ในปัจจุบัน กำลังเผชิญกับไฟล์และ URL อันตราย รวมทั้งเหล่าสแปมต่างๆ ในปริมาณมหาศาล รวมทั้งต้องคอยต่อกรกับอันตรายที่ไม่รู้จัก ที่มีความอันตรายมากกว่าเดิม ตัวอย่างเช่น การโจมตีแบบเจาะจงเป้าหมาย, อันตรายแบบ Zero-day, การหลอกลวงผ่านอีเมล์ทางธุรกิจ, และแรนซั่มแวร์ เป็นต้น เทคนิคการป้องกันที่ใช้กันมายาวนานต่อเนื่องอย่างแอนติมัลแวร์ และการคัดกรองเนื้อหาข้อมูล ก็ยังเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการรับมือกับอันตรายที่รู้จักที่เข้ามาปริมาณมากอยู่ ซึ่งปัจจุบันเทรนด์ไมโครได้ปิดกั้นอันตรายรูปแบบดังกล่าวได้กว่า 8 หมื่นล้านรายการสำหรับลูกค้าในทุกๆ ปี แต่อย่างไรก็ดี ด้วยอันตรายแบบใหม่ที่ความพิเศษเฉพาะตัว ที่มีการพัฒนาออกมาถึง 5 แสนตัวต่อวันนั้น ทำให้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้เทคนิคชั้นสูงมากกว่าเดิม นี่จึงเป็นเหตุผลที่ระบบความปลอดภัยแบบ XGen ได้รวมเอาการผสมผสานเทคนิคการป้องกันอันตรายชั้นสูงที่ได้รับการพิสูจน์ว่าได้ผลจริง มาเลือกใช้กับแต่ละสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที วิธีการป้องกันแบบอัจฉริยะนี้ช่วยยกระดับเทคนิคความปลอดภัยต่างๆ อันได้แก่ การตรวจความน่าเชื่อถือของไฟล์และเว็บไซต์, การป้องกันการบุกรุก, และการควบคุมแอพพลิเคชั่น ให้ร่วมกันต่อกรกับข้อมูลทั้งที่ปลอดภัยและอันตรายปริมาณมากได้ รวมทั้งยังนำเทคนิคชั้นสูงขึ้นอย่างการวิเคราะห์พฤติกรรม, การเรียนรู้ด้วยตนเอง, และการวิเคราะห์แบบแซนด์บ็อกซ์มาจัดการอันตรายที่ไม่รู้จัก…

ธนาคารกรุงเทพเปิดตัว Bangkok Bank InnoHub คัดฟินเทคนานาชาติเข้าโครงการ

ธนาคารกรุงเทพ จับมือ เนสท์ (Nest) บริษัทร่วมทุน และเพาะบ่มนวัตกรรมมากประสบการณ์เปิดตัว Bangkok Bank InnoHub โครงการเร่งรัดสำหรับฟินเทคเป็นครั้งแรก ธนาคารกรุงเทพซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเปิดรับสมัครผู้ประกอบการสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคที่มีผู้บริหารอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปจากทุกประเทศทั่วโลกระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคมถึงวันพุธที่ 10 พฤษภาคม 2560  ก่อนจะเริ่มต้นโครงการในเดือนมิถุนายน 2560 โดยโครงการระยะ  12 สัปดาห์ได้จัดเตรียมหลักสูตรระดับสากลที่เน้นเนื้อหาที่เป็นประโยชน์โดยตรงกับบริษัทสตาร์ทอัพหน้าใหม่ที่อยู่ในกลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีด้านการชำระเงิน ด้านกระบวนการรู้จักลูกค้าผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Know Your Customer : E-KYC) การพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) และระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) โดยทีมงานผู้มีความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมของเนสท์ และที่ปรึกษาทางธุรกิจคอยให้คำแนะนำ และความช่วยเหลือในการปรับทิศทางให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ทางธุรกิจที่ตั้งเป้าไว้ ในขณะที่ธนาคารกำลังดำเนินการเรียกร้องให้นักสร้างสรรค์นวัตกรรมฟินเทคทั่วโลกให้ความสำคัญกับโซลูชั่นที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับตลาดในประเทศไทยหรือการประยุกต์ใช้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการทั้ง 8 ทีมจะได้รับการดูแลจากผู้บริหารที่มากด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการเงินของธนาคารกรุงเทพ อีกทั้งเครือข่าย และพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของเนสท์ทั่วโลก ในการให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับโครงการริเริ่มที่มีศักยภาพ หรือการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินในรูปแบบใหม่ๆ ที่สามารถเข้ากับธุรกิจของธนาคาร พนุกร จันทรประภาพ รองประธาน ฝ่ายการลงทุนธุรกิจ…

ยอดการทำข้อตกลงด้านฟินเทคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พุ่ง 29%

ในปี 2560 ที่ผ่านมาหลายประเทศในภูมิภาพเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจำนวนการทำข้อตกลง  ด้านฟินเทคมากที่สุดซึ่งเป็นผลมาจากการแห่เข้ามาลงทุนของนักลงทุนทั่วไปในประเทศต่างๆ เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ไทย และเวียดนาม ตามข้อมูลของ CB Insights ซึ่งเป็นผู้ติดตามการลงทุนระบุว่าปีที่ผ่านมาจำนวนของการลงทุนในบริษัทฟินเทคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 29  ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 55 ข้อตกลงในปี 2558 เป็น 71 ข้อตกลงในปี 2559 ขณะเดียวกันการลงทุนรวมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลดลงร้อยละ 12 จาก 177 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2558  เป็น 158  ล้านเหรียญสหรัฐในปีพ. ศ. 2559 กว่าครึ่งหนึ่งของข้อตกลงด้านฟินเทคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมดในปี  2559 เกิดจากสตาร์อัพที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์  ซึ่งประกอบด้วย Funding Societies ที่เป็นแพลตฟอร์มการกู้ยืมแบบบุคคลต่อบุคคลสำหรับองค์กรขนาดเล็กและขนาดกลางที่สามารถระดมทุน 7.5 ล้านเหรียญสหรัฐในซีรีส์ A จาก Sequoia Capital India และ Alpha JWC Ventures และอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก ตามมาด้วยฟิลิปปินส์ซึ่งคิดเป็นร้อย…

4 ขั้นตอนที่จะช่วยให้ธนาคารเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิตอล

ในช่วงนี้คำว่า “สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ หรือยอมตาย” คงเหมาะกับอุตสาหกรรมการธนาคารมากที่สุด นั่นเป็นเหตุผลที่ธุรกิจทางการเงินต้องเผชิญกับความเป็นไปได้ว่าบริษัทดิจิตอลเกิดใหม่ทั้งหลายปาดหน้าเอาเค้กก้อนใหญ่ของพวกเขาไป (เช่นเดียวกับ Uber สำหรับธุรกิจรถแท็กซี่ และ Airbnb สำหรับธุรกิจโรงแรม) กำลังตรวจสอบแพลตฟอร์มแอพพลิเคชันของพันธมิตรรายที่สามหลายร้อยตัว ตัวอย่างเช่นในด้านการให้กู้ยืมเงิน แพลตฟอร์มสำหรับผู้บริโภคใหม่ อย่าง Prosper, Lending Club และ Marlette Funding   ได้ทิ้งธนาคารแบบดั้งเดิมไปทันทีโดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิตอลเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ประโยชน์จากระบบดิจิตอล ในขณะที่ยุคของเฟสบุ๊ค และทวิตเตอร์ได้นำความปรารถนาใหม่ๆ มาสู่ลูกค้าโดยการใช้สมาร์ทโฟนของพวกเขาทั้งในการติดต่อสื่อสาร และทำธุรกิจได้ทุกที่และทุกเวลาที่พวกเขาต้องการ และพวกเขาคาดหวังว่าบริษัทที่พวกเขาทำธุรกิจด้วยจะก้าวตามทัน บริษัทต่างๆ ตระหนักดีว่าพวกเขาจำเป็นต้องเร่งความสามารถในการดึงดูดและรักษาลูกค้าเอาไว้ การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิตอลเชิงกลยุทธ์อย่างถูกต้องสามารถช่วยให้ธนาคารตอบสนองความต้องการของฐานลูกค้า ที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติให้กู้ยืมที่ช่วยให้พวกเขาที่จะนำเสนอผลประโยชน์ต่างๆ ให้ลูกค้าอย่างค่าธรรมเนียมที่ถูกลงง และอัตราดอกเบี้ยต่ำลง จากประสบการณ์ในการทำงานร่มกับสถาบันการเงินลายๆ แห่ง เราพบการทำให้การเปลี่ยนผ่านจาากกระบวนการและระบบแบบเดิมไปเป็นโซลูชั่นดิจิตอลที่ทันสมัยได้อย่างราบรื่นประกอบด้วย 4 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1: ทำความเข้าใจความต้องการ และความจำเป็นของลูกค้า เราอยู่ในโลกที่ผู้บริโภคคาดหวังว่าว่าจะได้รับประสบการณ์การใช้งานที่มีคุณภาพสูงจากดิจิตอลแอพพลิเคชั่น และพวกเขาคาดหวังที่จะได้รับประโยชน์จากการใช้แอพเหล่านั้น หากพวกเขาไม่ได้รับสิ่งเหล่านั้น พวกเขาก็จะไม่ใช้งานแอพเหล่านั้น  หนึ่งในเหตุผลที่สำคัญที่สุดซึ่งทำให้บางครั้งความล้มเหลวในการริเริ่มเกี่ยวกับระบบดิจิตอลเกิดจากธุรกิจละเลยที่จะทำความเข้าใจสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆ ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มทำการเปลี่ยนแปลงสำคัญๆ ธนาคารควรใช้เวลาในการพูดคุยกับลูกค้าเพื่อทำความเข้าใจจุดที่เป็นปัญหาสำหรับพวกเขา สำรวจประเภทของบริการดิจิตอลที่พวกเขาสนใจ และเรียนรู้วิธีที่พวกเขาจะใช้บริการเหล่านี้ในชีวิตประจำวันของพวกเขา ขั้นตอนที่ 2: …

ซัมซุงจับมือบล็อกโคนำบล็อกเชนมาพัฒนาเงินดิจิตอล iระบบชำระเงิน และการระบุตัวตน

ซัมซุง เอสดีเอส ซึ่งเป็นบริษัทด้านไอทีในเครือที่ให้บริการเทคโนโลยีแก่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์อย่างซัมซุงได้เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับบล็อกโค สตาร์อัพทางด้านบล็อกเชนสัญชาติเกาหลี การร่วมลงทุนในครั้งนี้จะเกิดขึ้นกับทั้งในประเทศของเกาหลีใต้ และต่างประเทศซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาแอพพลิเคชั่นบล็อกเชน เมื่อเร็วๆ นี้ บล็อกโค บริษัทฟินเทคด้านบล็อกเชนของเกาหลีได้ออกมาประกาศว่าได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับซัมซุง เอสดีเอสเพื่อตอบสนองความต้องการเทคโนโลยีบล็อกเชนที่เพิ่มขึ้นทั้งในตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกาศในครั้งนั้นได้เน้นไปที่แอพพลิเคชั่นทางด้านบล็อกเชนในด้านต่างๆ ซึ่งประกอบด้วยการพิสูจน์ตัวตน  และการชำระเงิน รวมไปถึงการโอนเงิน แถลงการณ์จากซัมซุง เอสดีเอสระบุว่า “ด้วยการทำงานรวมทรัพยากรของทั้งสองบริษัทเข้าด้วยกัน เราจะรวมกันในการเปิดตลาดใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีบล็อกเชนเพราะความต้องการเทคโนโลยีบล็อกเชนในตลาดการเงินทั้งในและนอกประเทศได้เพิ่มขึ้น และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกำลังขยายตัว” ซัมซุง เอสดีเอสได้เข้าไปลงทุนบล็อกโคในเดือนมิถุนายนปี 2559 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ บริษัท ในการกระจายพอร์ตการลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ขณะเดียวกันบริษัททางด้านไอทีในเครือของซัมซุงกรุ๊ปได้เน้นย้ำว่าการลงทุนในบล็อกโคเป็นโอกาสในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนไปใช้กับส่วนอื่นๆ ด้วย เช่น อินเทอร์เน็ตของสิ่งของ (Internet of Things) รายงานจาก ZDNet เผยว่าทั้งสองบริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนสำหรับซัมซุงการ์ดซึ่งเป็นบริษัท บัตรเครดิตที่อยู่ในเครือของซัมซุงด้วย ส่วนบล็อกโคนั้นมีประสบการณ์ในการดำเนินงานกับลูกค้าในอุตสาหกรรมการชำระเงินอยู่แล้ว ได้แก่ JB Bank, Paygate, Lottecard และ KISA ของเกาหลี เป็นต้น ในฐานะที่เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน บล็อกโคได้รับความสนใจอย่างรวดเร็วในฐานะที่เป็นผู้นำทางด้านฟินเทคของเกาหลีที่เสนอการใช้งานที่น่าทึ่งของนวัตกรรม ที่อยู่เบื้องหลังบิทคอยน์ในเกาหลี ในขณะที่คอยน์สแต็กซึ่งเป็นแพลตฟอร์มมิดเดิลแวร์บล็อกเชนที่อยู่ในรูปแบบของบริการของสตาร์ทอัพรายนี้ถูกนำไปใช้ตลาดหลักทรัพย์ของเกาหลีใต้ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการซื้อขายหลักทรัพย์ของเกาหลีใต้เพื่อให้สตาร์อัพสามารถรแชร์หุ้นในตลาดเปิดได้…

แมพปิ้งคลาวด์กับแอพพลิเคชั่นระดับองค์กรของคุณ

คลาวด์ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับฝ่ายไอที แต่ในความเป็นจริงทุกวันนี้มีปริมาณงานขององค์กรน้อยมากที่รันอยู่บนบริการโครงสร้างพื้นฐานภายนอกองค์กร นอกจากนี้เส้นทางสู่การใช้งานคลาวด์ยังขึ้นอยู่กับธุรกิจ และแอพพลิเคชั่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของคุณ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน และคลาวด์ของออราเคิลเชิญท่านที่สนใจเข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติทางกลยุทธ์เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่จะใช้ในการพัฒนากลยุทธ์ทางด้านคลาวด์ขององค์กร เตรียมพบกับ: • เส้นทางที่หลากหลายในการนำระบบคลาวด์ไปใช้กับแอพพลิเคชั่นทางธุรกิจที่สำคัญ และเส้นทางที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณมากที่สุด • กรณีศึกษาของการใช้งานจากบริษัทต่างๆ ที่กำลังดำเนินแผนการใช้งานคลาวด์ด้วยโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานของออราเคิล • วิธีการขายกลยุทธ์ระบบคลาวด์สำหรับองค์กรของคุณให้กับผู้บริหารคนสำคัญในองค์กรของคุณ งานนี้เหมาะสำหรับผู้บริหาร และสถาปนิกด้านไอทีที่รับผิดชอบการออกแบบ วางแผน และติดตั้งใช้งานโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่ครอบคลุมตั้งแต่ศูนย์ข้อมูลไปจนถึงระบบคลาวด์สาธารณะ งานนี้จะจัดขึ้นในวันที่: 15 มีนาคม 2560 เวลา: 09.00 น. – 12.15 น. ณ ห้อง Social Room ชั้น 2, โรงแรมดับเบิลยูโฮเตล กรุงเทพ 106 ถนนสาทรเหนือ สีลม กรุงเทพฯ 10500 โดยเป็นงานฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย สนใจสอบถามข้อมูลทางอีเมล์ไปที่ market_th@oracle.com หรือเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ https://eventreg.oracle.com/profile/form/index.cfm?PKformID=0x4833069e01d&source

คลาวด์คอมพิวติ้งสำหรับผู้บริหาร

ไม่ว่าองค์กรของคุณจะปฏิเสธ หรือปิดกั้นเทคโนโลยีนี้หรือไม่ แต่คลาวด์คอมพิวติ้งเป็นสิ่งที่องค์กรต่างๆ ไม่สามารถหลีกพ้นอย่างแน่นอนในอนาคต แล้วองค์กรของคุณพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังพลิกโฉมหน้าการลงทุน และการใช้งานเทคโนโลยีไอทีขนานใหญ่นี้มากน้อยเพียงใด และเป็นข่าวดีสำหรับผู้บริหารทั้งหลายที่กำลังสนใจนำคลาวด์คอมพิวติ้งมาประยุกต์ใช้งานในองค์กร  เพราะขณะนี้ทางสถาบันฝึกอบรม IMC ได้เปิดหลักสูตร Practical Cloud Computing for Senior Management เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับคลาวด์คอมพิวติ้งแก่ผู้บริหารโดยเฉพาะในระหว่างวันที่ 27-29 มีนาคม รวมถึงพาเดินทางไปร่วมชมงาน  Cloud Expo Asia ที่สิงคโปร์ระหว่างวันที่ 10-12 ตุลาคมนี้อีกด้วย หลักสูตรนี้ออกแบบเพื่อผู้บริหารไอทีที่สนใจศึกษาแนวทางการพัฒนาคลาวด์คอมพิวติ้ง และต้องการที่จะเรียนรู้หลักการของคลาวด์คอมพิวติ้ง และเพิ่มเนื้อหาเพื่อเรียนรู้การพัฒนา Practical Cloud Computing การให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งทั้งส่วนที่เป็น IaaS และ PaaS  เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เข้าใจหลักการของคลาวด์ที่แท้จริง สำหรับหลักสูตรอบรมตลอด 3 วันจะอัดแน่นด้วยวิทยากรมากประสบการณ์ด้านคลาวด์คอมพิวติ้งทั้งในเชิงการประยุกต์ใช้คลาวด์คอมพิวติ้งในธุรกิจ และถึงเจาะลึกคลาวด์คอมพิวติ้งจากผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนจนวิศวกรจากผู้ค้าซอฟต์แวร์ โซลูชั่น และบริการคลาวด์ชั้นแนวหน้าของโลก พร้อมกรณีศึกษาจากผู้ประสบความสำเร็จในการนำคลาวด์คอมพิวติ้งไปใช้งาน สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร. 088-192-7975 หรือที่ www.imcinstitute.com/cloudmgmt หรือเข้าไปลงทะเบียนได้ที่ http://www.imcinstitute.com/training/course-registration

บิ๊กดาต้าอินแอ็กชั่นสำหรับผู้บริหาร

บิ๊กดาต้า (Big Data) คือหนึ่งในแนวโน้มของเทคโนโลยีที่ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง หลายๆ องค์กรเริ่มมีความสนใจที่จะทำการวิเคราะห์บิ๊กดาต้า  แต่ความเข้าใจในเรื่องของ  บิ๊กดาต้าก็ยังคลุมเครืออยู่ รวมถึงความเข้าใจในเรื่องเครื่องมือในการทำบิ๊กดาต้า และประโยชน์ในการใช้งาน และเป็นข่าวดีสำหรับผู้บริหารทั้งหลายที่กำลังสนใจเรื่องบิ๊กดาต้า เพราะขณะนี้ทางสถาบันฝึกอบรม IMC ได้เปิดหลักสูตร Big Data in Action for Senior Management ซึ่งเกี่ยวข้องกับบิ๊กดาต้าเพื่อผู้บริหารโดยเฉพาะในระหว่างวันที่ 21-22 เมษายนนี้ โดยหลักสูตรนี้จะเป็นการปูพื้นฐานหลักการของบิ๊กดาต้าให้กับผู้บริหารด้านไอทีหรือผู้บริหารด้านอื่นๆ การนำเอาบิ๊กดาต้าเข้ามาประยุกต์ใช้ในองค์กร ตัวอย่างการใช้งาน การเตรียมพร้อมด้านบุคลากร ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ การทำเวิร์กช็อปเพื่อให้เข้าใจถึงการประยุกต์ใช้งานบิ๊กดาต้า สำหรับผู้บรรยายในหลักสูตรนี้เป็นวิทยากรจากสถาบันศึกษาชั้นแนวหน้าของไทย และนักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูลที่มีประสบการณ์ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลบิ๊กดาต้ามาอย่างยาวนานมาร่วมถ่ายทอดความรู้ สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร. 088-192-7975 หรือที่ www.imcinstitute.com/bigdatamgmt หรือเข้าไปลงทะเบียนได้ที่ http://www.imcinstitute.com/training/course-registration

บล็อกเชนสำหรับผู้บริหาร

บล็อกเชนได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญซึ่งอาจกำหนดอนาคตของธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ว่าจะอยู่ หรือไปต่อ ในฐานะผู้บริหารธุรกิจ การเตรียมตัวรับมือกับบล็อกเชนเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นข่าวดีสำหรับผู้บริหารทั้งหลาย เพราะขณะนี้ทางสถาบันฝึกอบรม IMC ได้เปิดหลักสูตรที่เกี่ยวกับบล็อกเชนเพื่อผู้บริหารโดยเฉพาะ โดยเริ่มตั้งแต่การปูพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับบล็อกเชนเลยทีเดียว สำหรับหลักสูตร บล็อกเชนสำหรับผู้บริหาร (Blockchain for Management and Executives) ที่จะเปิดอบรมเป็นคอร์สแรกในวันที่ 3-4 เมษายนนี้มีไว้เพื่อให้ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับบล็อกเชน และแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้อง หลักสูตรนี้จะแนะนำเทคโนโลยีพื้นฐานที่อยู่เบื้องหลังบล็อกเชน ได้แก่ การเข้ารหัส, การประมวลผลแบบเครื่องต่อเครื่อง (Peer-to-Peer Computing) และสกุลเงินดิจิตอล (Cryptocurrency) โดยผู้เข้าร่วมอบรมจะเข้าใจถึงแนวคิด วิธีการทำงาน และลักษณะของบล็อกเชน รวมถึงยังมีการนำเสนอตัวอย่างของแอพพลิเคชั่นทางด้านบล็อกเชนที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วย สำหรับผู้บรรยายในหลักสูตรนี้เป็นวิทยากรที่มีประสบการณ์ในแวดวงสารสนเทศมากว่า 20 ปี มีความเชี่ยวชาญด้านการนำเทคโนโลยีไปใช้ในการแก้ไขปัญหาทางธุรกิจ การประมวลผลแบบคลาวด์ บิ๊กดาต้า บล็อกเชน และอินเทอร์เน็ตของสิ่งของ (IoT) รวมถึงเคยทำงานร่วมกับลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมบริการทางการเงิน สื่อสาร และหน่วยงานของรัฐ สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร. 088-192-7975 หรือที่ www.imcinstitute.com/blockchainmgt หรือเข้าไปลงทะเบียนได้ที่ http://www.imcinstitute.com/training/course-registration

Top