นักวิชาการจากวอร์วิคบิซิเนสสคูลระบุ 3 ปัจจัยที่ช่วยผลักดันให้ธุรกิจฟินเทคที่ประสบความสำเร็จขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว จิมมี่ หวาง และโอล่า เฮนฟรีดสัน สองนักวิจัยนักวิจัยจากวอร์วิคบิซิเนสสคูลที่ได้ติดตามผลการดำเนินธุรกิจของวีแคช (Wecash) แพลตฟอร์มด้านการให้คะแนนเครดิตที่ตั้งอยู่ในจีนมากว่า 2 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ฐานผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้นจาก 0 ไปเป็น 24 ล้านคน นักวิจัยกล่าวว่าการเจริญเติบโตของบริษัทคือส่วนหนึ่งมาจากการดำเนินงานโดยใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งทำให้บริษัหากลุ่มผู้ใช้ใหม่ๆ และในส่วนที่เกี่ยวกับการพัฒนานวัตกรรมได้เช่นเดียวกับการตรวจสอบการใช้บริการของผู้ใช้ นอกจากนี้เมื่อบริษัทมีความคิดใหม่ๆ พวกเขาก็จะเปิดตัวทันที ซึ่งช่วยให้วีแคชได้ทดสอบ และทดลองนวคิดใหม่ๆ ปรับปรุง และแก้ไขบริการเหล่านั้นเมื่อพวกเขาได้รับการตอบกลับจากผู้ใช้ สุดท้ายก็คือนักวิจัยพบว่าความสามารถของวีแคชในการปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับการเติบโตอได้ย่างได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงยังสามารถกำหนดบทบาทของพวกเขาใหม่เพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่พวกเขาเก็บรวบรวมมา ศาสตราจารย์ เฮนฟรีดสัน กล่าวว่า “มันแตกต่างไปการประหยัดจากขนาดที่ประสบความสำเร็จผ่านทางมาตรฐาน เทคโนโลยีดิจิตอลที่มีความยืดหยุ่นที่สามารถใช้ประโยชน์จากการขยายฐานผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็ว” “การดูแลการชะลอตัวใดๆ ในการเจริญเติบโตอย่างใกล้ชิด ทำให้บริษัทดิจิตอลแรงผลักดันในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว และเปลี่ยนเสนอของพวกเขาที่ให้กับผู้ใช้เพื่อพยายามดึงให้พวกเขากลับมาใช้ซ้ำๆ ซึ่งมันหมายความว่ามาตรวัด และกลยุทธ์แบบดั้งเดิมของการเติบโของบริษัทมีความล้าสมัยและปัจจุบันการขยายตัวที่ทันสมัยเกี่ยวข้องกับนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง”
Author: Kantinan Supawannaporn
เทคโนโลยีทำให้โครงสร้างพื้นฐานตกอยู่ในความเสี่ยง
รายงานใหม่จากบริษัทที่ปรึกษา เคพีเอ็มจี พบว่ามีอัตราการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ทำให้สินทรัพย์ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานมีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นของล้าสมัยก่อนที่จะสิ้นสุดวงจรชีวิตของโครงสร้างพื้นฐานที่คาดการณ์ไว้ได้มากขึ้น ในรายงานเรื่อง “แนวโน้มที่เกิดขึ้นขึ้นใหม่ในโครงสร้างพื้นฐานปี 2017” ของเคพีเอ็มจีระบุว่านักลงทุนหลายรายมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของเทคโนโลยีที่จะมีต่อสินทรัพย์ของพวกเขาจากการที่มีผลกระทบต่อภาคโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่องทั้งในแนวกว้าง และแนวลึกมากขึ้นในอีกสองปีข้างหน้า เคพีเอ็มจี เผยว่า “การขยายในแนวกว้างจะมาจากการค้นพบ และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ผู้ใช้รายใหม่สำหรับเทคโนโลยีที่มีอยู่ และการทำงานร่วมมือกันมากขึ้นระหว่างเจ้าของสินทรัพย์/ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค” “ผลกระทบแนวลึกจะถูกขับเคลื่อนโดยเจ้าของโครงสร้างพื้นฐาน และตัวผู้ประกอบการเองในฐานะที่พวกเขามุ่งมั่นที่จะได้รับประสิทธิภาพและมูลค่าจากการลงทุนของพวกเขาอย่างคุ้มค่าที่สุด” เคพีเอ็มจีล่าวว่าเจ้าของโครงสร้างพื้นฐานและผู้ประกอบการมีแนวโน้มที่จะมุ่งเน้นไปที่ “การพัฒนาแผนทางเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง” ที่มีความสมดุลระหว่างความจำเป็นในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันกับความต้องการผลตอบแทนอย่างรวดเร็ว” รายงานเผยว่า “นอกจากนี้เรายังคาดว่าจะได้เห็นรัฐบาลของหลายประเทศเปลี่ยนจากผู้ตามทางเทคโนโลยีไปเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี และมีการใช้ความกล้าหาญนี้ในการทำให้ประชาชนของตนเองได้รับบริการที่ดีขึ้น และและจัดการโครงสร้างพื้นฐานของพวกเขา”
บิทคอยน์จะเข้ามาแทนทองคำภายในอีก 20 ปี
ไมเคิล ดันเวิร์ธ ซีอีโอของ Wyre ได้กล่าวย้ำถึงความเชื่อที่ว่าเขาเชื่อว่าภายใน 20 ปี บิทคอยน์จะเข้ามาแทนที่ทองคำ และเงินเหรียญสหรัฐในฐานะสกุลเงินสำรองของโลก ประธานผู้บริหารของบริษัทผู้ให้บริการด้านการรับส่งเงินในซิลิกอนวัลเล่ย์ได้แสดงความคิดเห็นในการให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่าง InvestorDaily ของออสเตรเลีย ท่ามกลางความประหลาดใจ ดันเวิร์ธกล่าวว่าบิทคอยน์มีมูลค่าเหนือกว่าทองคำเพียงขณะนี้ยังขาดการเจาะตลาดอย่างจริงจังเท่านั้น ดันเวิร์ธกล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า “ในอีก 20 ปีนับจากนี้บิทคอยน์จะเข้ามาแทนที่ทอง และจะเข้ามาแทนที่เงินเหรียญสหรัฐในฐานะสกุลเงินสำรองของโลก “บิทคอยน์มีค่าที่เหนือกว่าทองในด้านของการรักษามูลค่าและความสามารถในการใช้งาน แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรก็ตาม” ดันเวิร์ธคือความเคลื่อนไหวล่าสุดของอุตสาหกรรมเงินดิจิตอลที่พยายามชี้ให้เห็นว่าบิทคอยน์ควรถูกใช้ในฐานะที่เป็นเครื่องรักษามูลค่ามากกว่าการเป็นสกุลเงิน ท่ามกลางราคาที่ล่วงลงมาอย่างรุนแรงในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคมที่ผ่านมา วินนี่ ลิงค์แฮม ผู้ประกอบการที่ติดตามความเคลื่อนไหวของบิทคอยน์ระบุว่าบิทคอยน์เป็นสกุลเงินที่อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการที่ยาวนานที่ไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในปี 2017 เขาทวีตว่ามันสำคัญมากที่เป็นครั้งแรกที่สินค้าโภคภัณฑ์ได้เปลี่ยนไปเป็นเครื่องรักษามูลค่า แม้ราคาของบิทคอยน์จะล่วงลงมาต่ำกว่า 1000 เหรียญสหรัฐ แต่ริงแฮมกล่าวว่าความผันผวนของราคาดังกล่าวไม่จำเป็นต้องแสดงให้เห็นถึงการเกิดภาวะฟองสบู่ และเป็นเพียงแค่ความไม่แน่นอนของราคาสินทรัพย์เท่านั้น เขาแสดงความคิดเห็นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “ผมคิดว่าถ้าราคาของบิทคอยน์วิ่งไปถึง 4,000 เหรียญสหรัฐได้ในปีนี้ เราอาจจะเจอปัญหาฟองสบู่ได้ มันควรจะเติบโตช้า และมั่นคงอยู่ที่ 3,000 เหรียญสหรัฐ ราหวังว่าถ้าจะให้ดีที่สุดควรมีราคาต่ำกว่า 2,000 เหรียญสหรัฐต่อไปสักอีก 3 เดือนเป็นอย่างน้อย” ขณะที่ดันเวิร์ธยอมรับว่าความผันผวนในระยะสั้นจะเป็นอุปสรรคที่ทำให้นักลงทุนมีความระมัดระวังมากขึ้น อย่างไรก็ตามในสายตาของเขาหากให้เปรียบเทียบแบบคลาสสิกบิทคอยน์ก็เหมือนกับอินเทอร์เน็ตในยุคแรกๆ “ลองนึกภาพดูว่าหากคุณสามารถย้อนกลับไปปี 1991 และสามารถที่จะซื้อหุ้นในบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทำธุรกิจด้านอินเทอร์เน็ตได้ คุณจะทำไหม? แน่นอนคุณต้องทำแน่…
เปิดตัวแอพโอนเงินสดผ่านวิดีโอคอลล์ตัวแรกของโลก
มันนี่เมล์มี (Moneymailme) บริษัทผู้ให้บริการโอนเงินผ่านโซเชียลในกรุงลอนดอนเปิดตัวแอพตัวแรกของอุตสาหกรรมฟินเทคให้บริการโทรผ่านวิดีโอพร้อมความสามารถในการโอนเงินสดได้ ในการเปิดตัวบริการใหม่ มันนี่เมล์มีได้ร่วมกับนักนักประดิษฐ์ระดับโลกกลุ่มเล็กๆ ให้บริการโทรผ่านวิดีโอในรูปแบบของแอพและเป็นรายแรกของโลกที่ยอมให้มีการแลกเปลี่ยนเงินกันได้ทันทีผ่านการส่งข้อความทางวิดีโอ มันนี่เมล์มีได้ผสมผสานการปฏิสัมพันธ์ทางโซเชียลเข้ากับการรับ-ส่งเงินอิเล็กทรอนิกส์ด่วนในกว่า 130 ประเทศ ด้วยการทำงานที่สอดคล้องกับคุณสมบัติด้านการลงลายมือชื่อของมันนี่เมล์มีฟังก์ชั่นใหม่จะทำงานได้อย่างราบรื่น โดยผู้ใช้สามารถใช้แอพของมันนี่เมล์มีได้ทั้งบน iOS และ Android แอพที่มีคุณสมบัติในการรับส่งข้อความผ่านการโทรทางวิดีโอกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่สมาร์ทโฟนมีคุณสมบัติการโทรผ่านวิดีโอที่มาพร้อมกับกล้องโทรศัพท์แบบคู่มานานพอสมควรแล้ว แต่แนวคิดดังกล่าวยังเป็นไปได้ยากในช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากการส่งข้อมูลยังมีราคาแพง และมีปัญหาด้านการเชื่อมต่อ แต่ปัจจุบันโทรศัพท์ส่วนใหญ่รอบรับเทคโนโลยี 4G ทำให้การใช้งานวิดีโอเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าในปี 2020 ร้อยละ 75 ของข้อมูลโทรศัพท์มือถือทั่วโลกจะเป็นวิดีโอ และในระหว่างปี 2015 ถึง 2020 การใช้วิดีโอบนมือถือจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 60
นักลงทุนเงินหนามองหาที่ปรึกษาดิจิตอลเพิ่มขึ้น
ฟินโนเวทชี้คนที่มีฐานะมั่งคั่งกำลังมีการลงทุนสร้างความความมั่งคั่งของพวกเขาเพิ่มมากขึ้นผ่านที่ปรึกษาหุ่นยนต์ ซึ่งกำลังมีการขยายการบริการต่างๆ เพิ่มขึ้น เดวิด เพนน์ นักวิจัยของฟินโนเวทระบุคนที่มีความมั่งคั่งที่ต้องเผชิญหน้ากับคนที่เกิดในยุคดิจิตอลควบคู่ไปกับความเสี่ยงในระยะยาวที่เกิดกับนักลงทุนยุคเก่าเป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในส่วนของการให้คำปรึกษาแบบอัตโนมัติผ่านระบบดิจิตอล (robo-advice) โดยมีการปรับปรุงการความสามารถต่างๆ ของบริการที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีมากกว่าการให้คำแนะนำในรูปแบบเดิมๆ เพนน์กล่าวว่า “โปรแกรมให้คำปรึกษาแบบอัตโนมัติผ่านระบบดิจิตอลที่มีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยบริหารจัดการการเงินส่วนบุคคลและรองรับการบริหารจัดการความมั่งคั่ง และการวางแผนทางการเงินที่กำลังขยายตัวได้มากขึ้น นี่ยังรวมถึงทุกอย่างตั้งแต่การวางแผนการดูแลสุขภาพ ประกัน ไปจนถึงอสังหาริมทรัพย์ การศึกษา และการพักผ่อนด้วย” เพนน์ระบุว่าการที่การให้คำปรึกษาแบบอัตโนมัติผ่านระบบดิจิตอลมีความซับซ้อนและได้รับการยอมรับมากขึ้น ทำให้นักลงทุนที่ร่ำรวยมีการใช้บริการเหล่านี้ในการจัดการการเงินของพวกเขาเพิ่มมากขึ้น “การให้บริการลูกค้าที่มั่งคั่งเกี่ยวข้องกับทั้งความซับซ้อนทางเทคโนโลยีที่มากขึ้นในส่วนของโปรแกรมให้คำปรึกษาแบบอัตโนมัติผ่านระบบดิจิตอล และการบริการลูกค้าที่กว้างขวางมากขึ้น” เพนน์กล่าว “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูกค้าที่มั่งคั่งอาจต้องการเข้าถึงการลงทุนที่ซับซ้อนมากขึ้นรวมถึงการลงทุนในส่วนที่ไม่ใช่ตราสารทุน รวมถึงการจัดการปรับสมดุลการลงทุน และการจัดการภาษีที่มีความซับซ้อนมากกว่านักลงทุนทั่วไป” บริการฟินเทคที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คนที่มีฐานะมั่งคั่งจัดการทรัพย์สินของพวกเขากำลังเกิดขึ้นในตลาด เพนน์กล่าว และเสริมว่าตอนนี้มีคนที่มีฐานะมั่งคั่งใช้บริการเหล่านี้กับการลงทุนของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว และในอีกสองปีข้างหน้าจะมีการใช้บริการเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 20
โครงการนำร่องบล็อกเชนเชิงพาณิชย์พร้อมให้บริการในปี 2560
ทิม ลีอา ผู้ก่อตั้ง Veredictum.io Veredictum.io เผยภาคบริการทางการเงินจะเริ่มเปิดตัวโครงการนำร่องด้านการให้บริการบล็อกเชนเชิงพาณิชย์ในปีนี้ ทิม ลีอา ผู้ก่อตั้ง Veredictum.io เผยว่าในปีที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีบริษัทผู้ให้บริการทางการเงินหลายรายได้พัฒนาและทดสอบต้นแบบของเทคโนโลยีบล็อกเชน และในปีใหม่จะเริ่มเห็นลูกค้าเข้ามาใช้บริการดังกล่าว ลีอากล่าวว่า “ในปี 2560 ภาคบริการทางการเงินจะเริ่มเปิดตัวโครงการนำร่องเชิงพาณิชย์ในส่วนที่ลูกค้าในเชิงพาณิชย์ของพวกเขารู้สึกว่าเป็นจุดที่เป็นปัญหาและสร้างความยุ่งยากมากที่สุดนั่นคือการชำระเงินระดับโลก และการค้าระหว่างประเทศ” “ลูกค้าในเชิงพาณิชย์เข้าใจถึงความเสี่ยงและประโยชน์มากมายของเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถลดระยะเวลาในการชำระเงินระหว่างประเทศ และลดขั้นตอนการทำงานที่ชักช้าเสียเวลา” เทคโนโลยีบล็อกเชนทางการเงินสำหรับผู้บริโภคทั่วไปจะมาจากบริษัทสตาร์ทอัพขนาดเล็กมากกว่าจะเป็นสถาบันการเงินอย่างธนาคาร ลีอากล่าวว่าบริษัทขนาดเล็กจะมีความคล่องตัวมากพอที่จะเปิดให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบเทคโนโลยีที่ยังไม่ผ่านการพิสูจน์จากการนำมาใช้งานจริง ลีอากล่าวเสริมว่า killer app ตัวแรกบล็อกเชนคือสิ่งที่เกิดขึ้นจากประเทศกำลังพัฒนาที่กำลังหาทางจัดการกับจุดที่เป็นปัญหาและสร้างความยุ่งยากให้กับพวกเขามากที่สุด “สหประชาชาติระบุว่าประชากรโลกร้อยละ 20 ไม่มีอัตลักษณ์ที่ระบุความเป็นตัวตน และ เฮอร์นัน เดโซโต้ นักเศรษฐศาสตร์ชาวเปรู ประเมินว่ามีประชากรโลกเพียงหนึ่งในสามเท่านั้นที่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของพวกเขาอย่างถูกต้อง ซึ่งนี่เป็นปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่สืบเนื่องกันมาอย่างยาวนานซึ่งสามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพโดยใช้บล็อกเชน” ลีอากล่าว “ในขณะที่บล็อกเชนอาจช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานของธนาคารได้ถึง 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาโลกโดยการทำให้เกษตรกรสามารถใช้ตัวตนของพวกเขาในการซื้อและทำงานในที่ดินของพวกเขาได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย รวมถึงมีโอกาสใช้บริการธนาคารเป็นครั้งแรกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น” ลีอากล่าวทิ้งท้าย
จีนทุ่มเงินพันกว่าล้านเหรียญตั้งกองทุนฟินเทค
กลุ่มบริษัทของจีนที่รัฐเป็นเจ้าของจีนและองค์กรเอกชนระดมกองทุนมูลค่า 1.44 พันล้านเหรียญเพื่อเข้าซื้อ และควบรวมบริษัทฟินเทคโดยเฉพาะ กองทุน Asia FinTech Merger and Acquisition Fund of Funds ที่นำโดย Credit China FinTech Holdings บริษัทจดทะเบียนในฮ่องกง และบริษัทของจีนอีกหลายแห่ง อย่าง Shanghai Xinhua Distribution Group, China Huarong International และ 8 บริษัทพันธมิตร โดยการลงทุนจะเน้นในด้านฟินเทค เช่นข้อมูลขนาดใหญ่ ปัญญาประดิษฐ์ การชำระเงินผ่านมือถือ การเงินห่วงโซ่อุปทาน และเทคโนโลยีบล็อกเชน กองทุนรวมด้านการลงทุนถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกถึงสถานะการเติบโตของจีนในตลาดฟินเทคโลก ตามการประมาณการณ์ของ Credit China FinTech การลงทุนของจีนในกิจการฟินเทคระหว่างเดือนกรกฎาคม 2558 ถึงมิถุนายน 22559 ได้เพิ่มขึ้น 8.8 พันล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับในปี 2553 ขณะเดียวกันรายงานของ DBS และบริษัทที่ปรึกษา EY…
วีซ่า, ไพรเวทแบงค์เปิดตัวบริการรับชำระเงินแบบไร้สัมผัสที่เชื่อถือได้
วีซ่า จับมือไพรเวทแบงค์แนะนำ Visa Token Service บริการใหม่สำหรับการชำระเงินแบบไร้สัมผัสที่เชื่อถือได้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถป้องกันข้อมูลส่วนตัวของผู้ถือบัตรโดยการเปลี่ยนข้อมูลบนบัตรเป็นโทเคนแบบดิจิตอลที่ผู้ใช้จะเก็บไว้ในอุปกรณ์หรือในสถานที่จัดเก็บพิเศษของตัวเองได้ ในการชำระเงินค่าซื้อสินค้าผ่าน Visa Token Service คุณต้องเปิดใช้งานตัวเลือกระบบไร้สัมผัสของกระเป๋าสตางค์บนอุปกรณ์พกพาของคุณแล้วใช้สมาร์ทโฟนแตะที่เครื่องเทอร์มินอลของระบบ POS โดยโทรศัพท์มือถือของคุณต้องรองรับระบบ NFC พร้อมทั้งติดตั้ง Android เวอร์ชั่นตั้งแต่ 4.4 ขึ้นไป และติดตั้งโมไบล์แอพ Privat24 รุ่นปรับปรุง ขณะนี้ลูกค้าของ PrivatBank และผู้ถือบัตรวีซ่าเท่านั้นที่สามารถใช้บริการดังกล่าวนี้ได้ Visa Token Service เป็นเครื่องมือด้านการชำระเงินที่ให้ทั้งความเร็ว และความปลอดภัย ในขณะที่ยังคงใช้งานง่ายมาก ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวกำลังขยายตัวไปทั่วตลาด ยกตัวอย่างเช่นปัจจุบันทุกหนึ่งในการชำระเงิน 20 ครั้งในยูเครนเป็นแบบไร้สัมผัส และโทรศัพท์มือถือจะมีบทบาทในชีวิตของผู้บริโภคโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ในระหว่างการนำเสนอ Mandy Lamb ผู้จัดการทั่วไปของวีซ่าสำหรับประเทศในเครือรัฐเอกราช และยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ ย้ำว่านวัตกรรมดังกล่าวจะขับเคลื่อนโลก และข้อมูลการใช้งานของชาวยูเครนและทั่วโลกก็สนับสนุนเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่น ซิสโก้เชื่อว่าจะมีอุปกรณ์ 5 หมื่นล้านตัวที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก และอุปกรณ์พกพาเหล่านี้จะยังคงมีการพัฒนามากขึ้น นอกจากนี้ในปี 2020 จำนวนผู้ใช้งานธนาคารบนมือถือทั่วโลกจะแตะ 1.8 พันล้านคน ในฐานะที่เป็นผู้จัดการทั่วไปของวีซ่าสำหรับประเทศในเครือรัฐเอกราช…
โทรจันใช้คุณสมบัติของแรนซัมแวร์โจมตีธนาคารบนมือถือ
มีโทรจันแอนดรอยนด์ 2 ตัวที่ขโมยข้อมูลทางการเงิน และการลงทะเบียนเข้าสู่ระบบใช้คุณสมบัติการเข้ารหัสไฟล์ของแรนซัมแวร์ในการโจมตี อาชญากรไซเบอร์กำลังเพิ่มคุณสมบัติการเข้ารหัสไฟล์เข้าไปในโทรจันธนาคารบนมือถือตัวเดิมๆ เพื่อสร้างภัยคุกคามลูกผสมที่สามารถขโมยข้อมูลสำคัญและล็อคไฟล์ของผู้ใช้ไปพร้อมๆ กัน หนึ่งในโทรจันดังกล่าวมีชื่อว่า Faketoken ซึ่งการทำงานหลักคือการสร้างหน้าจอเข้าสู่ระบบปลอมของแอพพลิเคชั่นทางการเงินมากกว่า 2,000 ตัวเพื่อขโมยข้อมูลประจำตัวของการเข้าสู่ระบบ นอกจากนั้นแอพอันตรายตัวนี้แสดงหน้าเว็บล่อลวงเพื่อขโมยข้อมูลบัตรเครดิต รวมถึงสามารถอ่านและส่งข้อความต่างๆ ได้ นักวิจัยของแคสเปอร์สกี้แล็บเปิดเผยว่า ผู้สร้าง Faketoken ยังได้เพิ่มความสามารถในการเข้ารหัสไฟล์ของผู้ใช้ที่เก็บไว้ในเอสดีการ์ดของโทรศัพท์ โดยนับตั้งแต่ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีการปล่อยมัลแวร์ที่ติดตั้งฟังก์ชั่นนี้ออกมาหลายพันตัว โรมัน ยูนูเช็ค นักวิจัยของแคสเปอร์สกี้แล็บ เปิดเผยในการโพสต์เมื่อวันที่ 19 ที่ผ่านมาว่า “เมื่อได้รับคำสั่งที่เกี่ยวข้องโทรจันจะรวบรวมรายชื่อของไฟล์ที่อยู่บนอุปกรณ์ (หน่วยความจำภายนอก, การ์ดหน่วยความจำ) ตาม 89 สกุลไฟล์ที่กำหนดเอาไว้ จากนั้นก็จะเข้ารหัสไฟล์ทั้งหมดเหล่านั้น ซึ่งอัลกอริธึมในการเข้ารหัสแบบสมมาตร AES ถูกนำมาใช้ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถถอดรหัสไฟล์เหล่านั้นได้ถ้าไม่จ่ายเงินค่าไถ่” Faketoken จะปลอมตัวเป็นแอพพลิเคชัน และเกมยอดนิยม หลังจากมัลแวร์ถูกติดตั้งลงบนอุปกรณ์แล้วก็จะส่งข้อความซ้ำๆ แจ้งให้ผู้ใช้ยืนยันสิทธิ์ต่างๆ เพื่อขโมยข้อมูล ปัจจุบันมีอุปกรณ์มากกว่า 16,000 เครื่องใน 27 ประเทศที่ติดมัลแวร์ชนิดนี้ โดยส่วนใหญ่อยู่ในรัสเซีย, ยูเครน, เยอรมนี และประเทศไทย ยูนูเช็คเผยว่าในแรนซัมแวร์บนมือถือ การเข้ารหัสไฟล์ไม่เป็นที่นิยมเท่ากับเทคนิคการปิดกั้นหน้าจอเพราะมีการสำรองไฟล์จำนวนมากที่ถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์มือถือไปไว้บนบริการคลาวด์ ซึ่งสามารถเรียกไฟล์กลับคืนมาได้ไม่ยาก…
บริษัทเดินรถไฟสวิสขายบิทคอยน์ผ่านเครื่องจำน่ายตั๋ว
เร็วๆ นี้นักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยรถไฟของสวิสเซอร์แลนด์จะสามารถซื้อบิทคอยน์จากตู้จำหน่ายตั๋วกว่า 1,000 ตู้ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ SBB บริการรถไฟแห่งชาติของสวิสเซอร์แลนด์จะเริ่มขายเงินตราดิจิตอลแบบเข้ารหัสผ่านเครื่องจำหน่ายตั๋วทั้งหมดภายใต้ข้อตกลงที่ทำไว้กับ SweePay SBB เปิดเผยว่านี่คือก้าวที่สำคัญภายหลังจากใช้เวลาถึง 2 ปีในการศึกษาตลาด และความเป็นไปได้ในการขายบิทคอยน์ โดยนักท่องเที่ยวจะสามารถซื้อได้ด้วยเงินสูงถึง 500 ฟรังส์สวิส โดยการใช้กระเป๋าเงินที่ทำงานด้วยคิวอาร์โค้ด และใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือของพวกเขาในการยืนยันตัวตน อย่างไรก็ตาม เครื่องจำหน่ายตั๋วจะยังไม่ยอมรับการใช้บิทคอยน์ซื้อตั๋ว
You must be logged in to post a comment.